เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ (Cookies) เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและ ยินยอมการจัดเก็บคุกกี้ดังกล่าว โดยท่านสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน นโยบายคุกกี้ และ นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ของบริษัทฯ
9 กันยายน 2562

7 เทคนิค เดินอย่างไรให้ผอมเพรียวได้

54
4,045
“การเดิน” เป็นการออกกำลังกายที่นอกจากจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงและทำได้ง่าย ๆ แล้ว #ทราบหรือไม่คะ หากเรารู้เทคนิคการเดินเพิ่มเติม ก็ยังจะช่วยเรื่องการลดน้ำหนักอย่างได้ผล ใครอยากผอมเพรียวแบบมีสุขภาพดี ลองศึกษาและทำตามเทคนิคที่นำมาแนะนำวันนี้กันดูนะคะ และที่สำคัญ “การเดิน” เป็นการออกกำลังกายที่ไม่มีการลงน้ำหนักและแรงกระแทกมากเหมือนการวิ่ง

ด้วยเหตุนี้ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก รวมทั้งผู้มีปัญหาสุขภาพข้อเข่าและเท้าก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ

7เทคนิคเดินอย่างไรให้ผอมเพรียวได้
 
#ใส่รองเท้าวิ่ง

แม้ว่าการออกกำลังกายของเราจะเป็นแค่การเดิน แต่การเลือกสวมรองเท้าวิ่งมาเดินก็เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เราเดินได้สบายและนานขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นตาม ที่เป็นเช่นนี้เพราะรองเท้าวิ่ง ถูกออกแบบให้สามารถช่วยรองรับแรงกระแทกได้ดี ทำให้ทุกก้าวของเรานุ่มนวลขึ้น เมื่อยช้าลง ช่วยให้เดินอย่างสบาย ๆ ได้นานกว่าเมื่อเทียบกับการใส่รองเท้าทั่วไปค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอาการบาดเจ็บที่เท้าได้ด้วยนะคะ

#เพิ่มน้ำหนัก 

แทนที่จะเดินตัวเบาหวิวไปเรื่อย ๆ ด้วยระยะทางที่มาก ลองเปลี่ยนเป็นการเดินด้วยระยะที่สั้นลง ใช้เวลาน้อยลง แต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการเพิ่มน้ำหนักให้เป็นอุปสรรคในการเดินกันดูสิคะ ไม่ว่าจะเป็นการแบกเป้ใส่ของที่หลัง หรือใส่ถุงทรายรัดข้อเท้าเพิ่มข้างละ 0.5 กิโลกรัมก็ได้ แนะนำว่าค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนักทีละน้อยก่อนนะคะ ปรับให้ร่างกายค่อย ๆ ชินแบบไม่หักโหมหรือทำร้ายร่างกายจนเกินไป วิธีนี้เป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นเป็นอย่างดีค่ะ

#เดินเร็วกว่าเดิม
 
เปลี่ยนจากการเดินทอดน่องกินลมชมวิวไปเรื่อย ๆ มาท้าทายตัวเองเพิ่มขึ้นสักนิด ด้วยการเร่งความเร็วในการเดินเพิ่มขึ้น อาจจะเปิดเพลงจังหวะเร็ว ๆ คลอไปด้วยระหว่างเดิน ( เปิดเบา ๆ พอให้ได้ยินเสียงข้างนอกด้วยนะคะ ) หรือจำกัดเวลาเดินว่า ต้องเดินไปให้ถึงจุดไหน ภายในเวลากี่นาที เป็นต้น รับรองค่ะ แค่เดินก็หอบเหมือนวิ่งจ๊อกกิ้งได้เลยนะคะ ช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการเดินปกติทั่วไป นอกจากนี้ การท้าทายสถิติตัวเองวันละนิด ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยกระตุ้นตัวเองให้อยากเดินทุกวันได้ด้วยค่ะ

#แกว่งแขนขณะเดิน 
 
การแกว่งแขนที่เหมาะสม จะช่วยให้การเดินของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะแรงเหวี่ยงเบา ๆ จากแขนจะช่วยผลักดันร่างกายไปข้างหน้า ทำให้ง่ายต่อการเดินยิ่งขึ้น

การแกว่งแขนที่เหมาะสม คือการแกว่งแขนสลับกับขาที่ก้าวเดิน เช่น ก้าวเท้าขวา ให้แกว่งแขนซ้ายไปข้างหน้า สลับกัน โดยควบคุมระดับความสูงของแขนที่แกว่งให้ไม่เกินหน้าอก และทุกครั้งที่แกว่งแขนต้องรับรู้ ได้ว่ากล้ามเนื้อส่วนไหล่ คอ และหลัง ขยับไปตามการแกว่งของแขนด้วยเสมอ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานขณะเดินได้เพิ่มขึ้นค่ะ
 
#เดินขึ้นทางชัน 
 
การเดินขึ้นทางชันเป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทำงานมากขึ้น รวมไปถึงกล้ามเนื้อหัวใจด้วย   ( คาร์ดิโอเบา ๆ ) จึงเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานมากขึ้นโดยปริยายค่ะ และนี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายคนเลือกที่จะเดิน-วิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะ เพราะเราจะเจอพื้นที่ในลักษณะที่แตกต่างและหลากหลาย ทั้งพื้นปูน ทราย หญ้า พื้นเอียง พื้นลาดชัน และขั้นบันได ที่ทำให้ต้องใช้พลังงานในการเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้นค่ะ
 
#เดินต่อเนื่องอย่างน้อย30นาที 
 
ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายโดยวิธีใดก็ตาม การออกกำลังกายที่ได้ผลควรจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อทุกส่วนทำงานสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้การออกกำลังกายของเราใช้แรงมากพอที่เผาผลาญพลังงานส่วนเกินในร่างกายได้จริง และหากเป็นไปได้ควรออกกำลังกายด้วยการเดินเป็นประจำทุกวันควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร จึงจะช่วยทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
 
#ก่อนหลังการเดิน Warm up - Cool down เสมอ 
 
อย่าลืมว่าแม้การเดินจะเป็นเพียงแค่การเดินสบาย ๆ ไม่เหนื่อยหนัก เท่ากับการออกกำลังกายประเภทอื่น แต่ในที่สุดแล้วการเดินก็ เป็นการออกกำลังกายเช่นกันค่ะ หากมีการ warm up และ cool down ก่อนและหลังการเดิน ก็จะช่วยลดโอกาสในการบาดเจ็บจากการเดินได้ เพราะเป็นการช่วยให้ร่างกายเราค่อย ๆ ปรับตัว ไม่หักโหมจนเกินกว่าร่างกายจะรับไหวแบบทันทีทันใด เพราะในขณะที่เดินโดยเฉพาะในจังหวะที่เราเดินเร็ว เดินขึ้นบันไดหรือทางลาดชัน เราอาจเผลอเกร็งเท้า เกร็งขา ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้ออักเสบหรือเป็นตะคริวฉับพลันขึ้นมาได้ จึงควร warm up – cool down ทุกครั้งจะปลอดภัยกว่าค่ะ
 
ทั้งหมดนี้ทำได้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้น หากเราเพิ่มเทคนิคเหล่านี้ ในขณะเดิน ก็จะสามารถช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานส่วนเกินได้มากขึ้น แต่ที่สำคัญ ต้องมีวินัยในการออกกำลังกาย และควบคุมอาหารควบคู่กันไปด้วยเสมอนะคะ ไม่หักโหมในการลดน้ำหนักจนเกินไป ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เราผอมเพรียวสวยได้แบบมีสุขภาพดีค่ะ
 
ขอขอบคุณข้อมูลประกอบจาก sanook.com
แบ่งปันบทความนี้ไปยัง